Dustborn เสนอการผจญภัยเชิงเนื้อเรื่องที่ไม่เหมือนใคร ในโลกของสหรัฐอเมริกาที่ต่างออกไป ครอบคลุมไปด้วยระบบการสนทนาที่น่าประทับใจให้กับผู้เล่น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเกมจะเด่นด้วยการสร้างสรรค์บทสนทนาให้ดื่มด่ำ แต่กลับอ่อนในเรื่องการต่อสู้ที่ไม่น่าตื่นเต้นและการเล่าเรื่องที่ไม่น่าสนใจ ผลที่ได้คือเกมที่เต็มไปด้วยศักยภาพแต่ค่อนข้างว่างเปล่าในการนำเสนอ ทำให้ผู้เล่นรู้สึกอยากได้การผจญภัยที่ลึกซึ้งและน่าสนใจยิ่งขึ้น
ภาพรวมของ Dustborn
ผู้พัฒนา: Red Thread Games
ผู้จัดจำหน่าย: Spotlight โดย Quantic Dream
แพลตฟอร์ม: Windows PC, PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox One, Xbox Series
วันที่วางจำหน่าย: 20 สิงหาคม 2024
ราคา: $29.99
Dustborn ช่วยให้ผู้เล่นได้รับบทเป็น Pax, “anomal” ที่กำลังสำรวจอเมริกาที่แยกเป็นสองส่วนซึ่งเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ได้เปลี่ยนไป ในความเป็นจริงที่ต่างออกไปนี้ยังรวมถึงภูมิภาคต่าง ๆ เช่น Pacifica และ United Republic สร้างภูมิทัศน์ที่พร้อมสำหรับการสำรวจและสร้างความตึงเครียดทางการเมือง
การเดินทางที่ขับเคลื่อนด้วยเนื้อเรื่อง
Dustborn เป็นเกมประเภท RPG ที่เน้นเนื้อเรื่อง คล้ายกับเกมที่เน้นเรื่องราวจากสตูดิโออย่าง Telltale Games โดยที่บทสนทนามีบทบาทสำคัญ กลไกการสนทนาของเกมน่าตื่นเต้น มีตัวเลือกบทสนทนาที่ปรากฏและหายไปตามธรรมชาติของการสนทนาจริง ทำให้ผู้เล่นสามารถดูตัวเลือกการสนทนาเพื่อเข้าใจผลกระทบได้ดีขึ้น มอบการควบคุมว่าการโต้ตอบจะดำเนินไปอย่างไร
จุดแข็ง
- ระบบการสนทนา: กลไกการสนทนาที่ตอบสนองและโต้ตอบได้ ตั้งมาตรฐานใหม่ในการมีส่วนร่วมของผู้เล่นในเกมแนวเนื้อเรื่อง
- การพากย์เสียง: ตัวละครที่มีการพากย์เสียงเต็มรูปแบบ ช่วยเสริมความรู้สึกและการดื่มด่ำในโลกของเกม
จุดอ่อน
- กลไกการต่อสู้: น่าเสียดายที่ระบบการต่อสู้ลดความน่าสนใจของประสบการณ์ มันรู้สึกเทอะทะและขาดการดำเนินการที่ดี ทำให้เกมเป็นจุดเด่นที่แข็งแกร่งที่สุด
- การดำเนินเรื่อง: แม้ว่าโครงเรื่องจะน่าสนใจ แต่การเล่าเรื่องกลับดูเรียบง่ายและคาดเดาได้ เต็มไปด้วยธีมที่ซ้ำซากและส่วนโค้งของตัวละครที่ยังไม่พัฒนา
บทสรุป: เรื่องเล่าเตือนใจในด้านการพัฒนาเกม
Dustborn ยืนยงในฐานะตัวอย่างของพลังของระบบการสนทนาที่เป็นนวัตกรรม แต่ก็ยังเน้นความจำเป็นในการจับคู่กลไกเหล่านี้กับการเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์และเกมเพลย์ที่น่าดึงดูด Red Thread Games แสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านเทคนิคของพวกเขา แต่สุดท้ายกลับมอบเกมที่ให้ความรู้สึกเหมือนการพิสูจน์แนวคิดมากกว่าประสบการณ์ที่เสร็จสมบูรณ์ สำหรับคนที่สามารถมองข้ามข้อบกพร่องในเรื่องการเล่าเรื่อง Dustborn มอบแววแห่งความฉลาดในวิธีการสร้างบทสนทนา แต่ก็อาจไม่เชื่อมโยงกับผู้ชมที่กว้างขึ้น